สำหรับคู่ค้า

 

เราคือ บริษัท อุรา กรุงเทพ คลินิก จำกัด และบริษัทย่อย ซึ่งในนโยบายความเป็นส่วนตัวของคู่สัญญาฉบับนี้ (ต่อไปนี้เรียกว่า “นโยบายความเป็นส่วนตัว”)  จะเรียกแทนตนเองด้วยว่า “เรา” หรือ “บริษัท”) เรายืนยันว่าเราจะรักษาความเป็นส่วนตัวของคู่สัญญา รวมถึงบุคคลธรรมดาที่ดำเนินการให้คู่สัญญาซึ่งเป็นนิติบุคคลด้วย  (ต่อไปนี้เรียกว่า “ท่าน”)  และเพื่อให้ท่านทราบว่าเราจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไร นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้จะอธิบายให้ท่านทราบถึงวิธีการที่เราเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ใช้กับการ เก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ดำเนินการโดยเรา ซึ่งได้รับข้อมูลโดยตรงจากท่านรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากการประชุม การติดต่อสื่อสารใดๆ ผ่านทางช่องทางต่างๆ กับเรา ซึ่งเรามีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้  และข้อมูลที่ได้รับมาโดยทางอ้อมผ่านทางแหล่งที่มาอื่น ๆ

 

​1. ข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้างที่เราเก็บรวบรวม  

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับท่านซึ่งสามารถระบุตัวตนของท่านได้โดยตรงหรือโดยอ้อม ทั้งนี้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เราอาจเก็บรวบรวม หรือได้มาซึ่งข้อมูลประเภทต่าง ๆ ที่อาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรงจากท่าน เช่น การแลกเปลี่ยนนามบัตร  การให้ข้อมูลเพื่อการพิจารณาคุณสมบัติการเข้าทำสัญญา  การแนบสำเนาเอกสารสำหรับการจัดทำสัญญา เป็นต้น หรือโดยอ้อมผ่านทางแหล่งที่มาอื่น ๆ เช่น การเก็บข้อมูล หรือได้มาซึ่งข้อมูลจากบริษัทอื่น ๆ บริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่ม พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท  เป็นต้น

ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราอาจเก็บรวบรวมประกอบไปด้วยข้อมูลของท่านดังต่อไปนี้

      (1) ข้อมูลส่วนบุคคล (personal details) เช่น คำนำหน้าชื่อ  ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัว 

ประชาชนและหนังสือเดินทาง  ภาพถ่าย / วีดีโอผ่านทางกล้องวงจรปิด และการบันทึกเสียง

      (2) ข้อมูลที่ใช้ในการยืนยันตัวตน (identification details) เช่น ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน  ทะเบียนบ้าน หนังสือเดินทาง หน้าสมุดบัญชีธนาคาร  ลายมือชื่อ  

      (3)  ข้อมูลการติดต่อ (contact details) เช่น ข้อมูลที่อยู่สำหรับติดต่อทางไปรษณีย์ ที่อยู่สำนักงานใหญ่ รหัสไปรษณีย์ ที่อยู่ของไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail Address) หมายเลขโทรศัพท์  หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หมายเลขโทรสาร  ชื่อตัวแทนหรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนในนามคู่สัญญา  ข้อมูลการติดต่อทางสังคมออนไลน์ (social media) ซึ่งรวมถึงข้อมูลโปรไฟล์ภาพถ่าย และสิ่งระบุตัวตนอื่นสำหรับการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์   และการติดต่อสำหรับการตอบรับในรูปแบบอื่น ๆ (เช่น การสื่อสารเป็นลายลักษณ์อักษรกับท่าน)

    (4) ข้อมูลทางการเงิน (financial details) เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร หรือข้อมูลทางธนาคารที่เกี่ยวข้อง ประเภทและรูปแบบการชำระเงิน และข้อมูลและรายละเอียดการชำระเงิน รวมถึงการคืนเงิน การปฏิเสธการจ่ายเงิน และการตัดเงินเกินจำนวน

    (5) ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ เช่น ข้อมูลอื่นใดที่บริษัทร้องขอจากนิติบุคลของท่าน  หรือจากท่านเพื่อใช้ในการประกอบการเข้าทำสัญญา  การบริการ  หรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องตามที่บริษัทได้แจ้งหรือร้องขอไปยังท่าน  ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบสารสนเทศและเว็บไซต์ต่างๆ ของคู่สัญญา การบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด การบันทึกเสียงสนทนาจากการประชุมต่างๆ 

ทั้งนี้ เราจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งของท่าน หรือเมื่อมีกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้เท่านั้น

 

  1. ทำไมเราจึงเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

เราจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด โดยทั่วไปแล้ว เราจะขอความยินยอมจากท่านก่อนที่จะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และเราจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายในขอบเขตของความยินยอมที่ท่านให้ไว้ โดยเป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ 

            อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เราสามารถประมวลผลข้อมูลของท่านโดยอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นนอกเหนือจากความยินยอม เราอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยฐานทางกฎหมายอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ หรือ อาจมากกว่าหนึ่งฐานได้แก่

1).         ฐานสัญญา เพื่อให้การบริการแก่ท่านหรือทำธุรกรรมกับท่าน
2)          ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทตามกฎหมาย
3)          ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ว่าด้วยประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเรา และประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคลภายนอก
4)          ฐานประโยชน์สาธารณะ เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อปฏิบัติงานของหน่วยงานที่มีอำนาจหรือหน้าที่

  1. วัตถุประสงค์ในการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 

เราอาจเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์  และอาศัยหรืออ้างฐานทางกฎหมาย ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท และฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของบุคคลภายนอก หรือฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด แล้วแต่กรณี ซึ่งในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้  เราจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมาย  ดังต่อไปนี้

เมื่อเรามีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด หรือเพื่อเข้าทำหรือปฏิบัติตามสัญญากับท่าน และท่านไม่สามารถให้ข้อมูลได้เมื่อเราร้องขอ โปรดทราบว่าเราอาจไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุไว้ด้านบนได้

เมื่อจำเป็นต้องได้รับความยินยอมสำหรับกิจกรรมใดเพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เราจะขอและรับความยินยอมของท่านแยกต่างหากเพื่อดำเนินกิจกรรมนั้น ๆ

 

  1. เราอาจเปิดเผย หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ใครบ้าง

​อาจจำเป็นต้องเปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บุคคลอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นไปยังบุคคลดังต่อไปนี้    

  1. ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) ตามสัญญาประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเรา
  2. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่ม พันธมิตรทางธุรกิจของเรา
  3. ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมายและภาษีอากร หรือผู้สอบบัญชี เป็นต้น เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับเข้าทำสัญญา  ตรวจสอบบัญชี  การขอคำปรึกษาทางกฎหมาย  การตรวจสอบ การประเมิน การดำเนินคดี และการดำเนินการอื่นใดที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ 
  4. ผู้ให้บริการใดๆ หรือตัวแทนผู้ให้บริการ รวมไปถึงผู้ให้บริการช่วงของบริษัทจะเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการเท่านั้นและมีหน้าที่ในการรักษาความลับและไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด
  5. ผู้เข้าทำธุรกรรม หรือจะเข้าทำธุรกรรมกับบริษัทโดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อหรือขาย หรือเป็นส่วนหนึ่งของการเสนอซื้อหรือเสนอขายของกิจการของบริษัท (หากมี)
  6. บุคคลอื่นใดที่ท่านได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

ในบางกรณีเราอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยหรือรายงานข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ หน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ศาล ผู้บังคับใช้กฎหมาย  หน่วยงานกำกับดูแล  หน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของเรากำหนด  หรือบุคคลภายนอกอื่นใดหากเราเชื่อว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือระเบียบใด ๆ หรือต้องคุ้มครองสิทธิของเรา สิทธิของบุคคลที่สาม หรือความปลอดภัยส่วนบุคคลของบุคคลใด ๆ หรือเพื่อตรวจจับ ป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาการทุจริต ความมั่นคง หรือความปลอดภัย

 

  1. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ

เราอาจโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านออกนอกประเทศไทย เช่น เมื่อเราเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระบบคลาวด์แพลตฟอร์มหรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทยเพื่อการสนับสนุนด้านระบบ IT ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบางรายอาจอยู่ในประเทศอื่นซึ่งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ไม่ได้กำหนดให้เป็นประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ 

เมื่อมีความจำเป็นต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังประเทศปลายทางที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับที่ด้อยกว่าประเทศไทย เราจะดำเนินการให้มั่นใจได้ว่าจะมีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่โอนไปในระดับที่เพียงพอ หรือ ให้การโอนนั้นเป็นการโอนที่ได้รับอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้ เช่น เราอาจดำเนินการให้ได้คำรับประกันตามสัญญาจากบุคคลภายนอกซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่โอนไปว่าข้อมูลนั้นจะได้รับการคุ้มครองด้วยมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเทียบเท่ากับที่จำเป็นต้องมีในประเทศไทย

หากท่านต้องการได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับว่าเรามีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อมีการโอนข้อมูลดังกล่าวออกนอกประเทศไทยอย่างไร กรุณาติดต่อเราตามที่อยู่ในส่วน “ข้อมูลการติดต่อของเรา” ด้านล่างนี้

 

  1. เราจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้นานแค่ไหน

เราจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นอย่างสมเหตุสมผลเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการรับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมา และเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของเรา ตามกฎหมายหรือระเบียบใด ๆ เราอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาที่นานขึ้นหากมีความจำเป็น และ/หรือ อนุญาตให้กระทำได้ตามกฎหมาย

  เราจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น 

 

  1. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

สิทธิตามที่ระบุไว้ในส่วนนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายของท่าน ท่านสามารถขอใช้สิทธิตามกฎหมายได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายและกระบวนการจัดการสิทธิของเรา สิทธิดังกล่าวมีดังต่อไปนี้

(1) การขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล หรือการเปิดเผยของการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้มาโดยปราศจากความยินยอมของท่าน

(2) การแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หากมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นปัจจุบัน

(3) การให้ลบ ทำลาย หรือ เปลี่ยนให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้

  1. การขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งได้มีการจัดรูปแบบอย่างเป็นระบบ ใช้งานกันโดยทั่วไป และ

สามารถอ่านได้ด้วยเครื่องมือ และส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังองค์กรอื่น

  1. การคัดค้าน ระงับหรือจำกัดเราจากการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  2. การถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่มาจากการให้

ความยินยอมของท่าน ณ เวลาใดก็ได้

ท่านสามารถติดต่อเราผ่านทางที่อยู่ในส่วน “ข้อมูลการติดต่อของเรา” ด้านล่างนี้เพื่อใช้สิทธิเหล่านี้ คำขอในการใช้สิทธิเหล่านี้ของท่านอาจถูกจำกัดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในบางกรณีที่เราอาจจำเป็นต้องปฏิเสธคำขอของท่านด้วยเหตุผลและกฎหมายบางประการ เช่น เหตุอันเนื่องมาจากหน้าที่ตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาลทั้งนี้ เราจะแจ้งให้ท่านทราบถึงเหตุผลของเรา หากเราจำเป็นต้องปฏิเสธคำขอของท่าน

หากท่านเชื่อว่าการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้ ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนต่อหน่วยงานที่มีอำนาจในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อสามารถกระทำได้ อย่างไร ก็ตามเรายินดีเป็นอย่างยิ่งหากมีโอกาสได้จัดการกับความกังวลของท่านก่อนการติดต่อใด ๆ กับหน่วยงานที่มีอำนาจนั้น  เราจะยินดีอย่างยิ่งหากท่านกรุณาติดต่อเราก่อนเป็นอันดับแรก

 

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์  คนเสมือนไร้ความสามารถ และคนไร้ความสามารถ

เราจะเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ และคนเสมือนไร้ความสามารถที่ผู้มีอำนาจปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาลของพวกเขาให้ความยินยอมไว้เท่านั้น เราไม่มีเจตนาในการเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้เยาว์ (เช่น ลูกค้าที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี) คนเสมือนไร้ความสามารถ และคนไร้ความสามารถ โดยปราศจากความยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาลของพวกเขา ในกรณีที่เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาลของบุคคลดังกล่าวในกรณีที่ต้องได้รับความยินยอม ซึ่งเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เราไม่มีเจตนาดังกล่าว เมื่อเราได้ทราบถึงการกระทำดังกล่าวเราจะลบข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ และคนไร้ความสามารถออกในเวลาที่เหมาะสมหรือจะประมวลผลข้อมูลดังกล่าวเฉพาะที่เราสามารถใช้ฐานทางกฎหมายอื่นนอกเหนือจากความยินยอมได้

การที่ท่านใช้บริการของเรา ท่านรับรองและรับประกันว่า ท่านมีความสามารถตามที่กฎหมายกำหนดสําหรับการใช้บริการของเรา หากท่านเป็นผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือคนไร้ความสามารถ ท่านรับรองและรับประกันว่าท่านกําลังใช้บริการโดยได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาลแล้ว     เราอาจกําหนดข้อจํากัดในการใช้บริการบางอย่างในกรณีที่เราไม่สามารถยืนยันได้ว่าท่านมีอายุครบตามที่กําหนด

หากท่านเชื่อว่าเราได้รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือคนไร้ความสามารถโดยไม่ได้รับความยินยอมจากมีอำนาจปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาล โปรดแจ้งให้เราทราบผ่านหากเราได้รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากความยินยอมทางกฎหมายโดยไม่ได้มีเจตนา เราจะระงับการใช้งานบัญชีที่เกี่ยวข้องและจะใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อหยุดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และ/หรือลบข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวออกจากบันทึกของเราทันที

 

  1. มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

เราจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ในรูปแบบของเอกสาร และ/หรือ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยจัดให้มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม ทั้งมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (Administrative Safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (Technical Safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (Physical Safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (Access Control) รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขมาตรการต่างๆ ตามสมควร เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ หรือกระทำโดยปราศจากอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อการละเมิดการธำรงไว้ซึ่งความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทมีการจำกัดการเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน      โดยได้กำหนดการอนุญาตหรือสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล มีการบริหารจัดการการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน (User Access Management) เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตแล้วให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน (User Responsibilities) เพื่อป้องกันมิให้มีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต การเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล หรือการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงจัดให้มีวิธีการเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล และเมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกที่ดำเนินการประมวลผลหรือแก่ผู้ประมวลผลข้อมูล บริษัทฯ จะดำเนินการกำกับดูแลให้บุคคลนั้นดำเนินการอย่างเหมาะสมให้เป็นไปตามคำสั่งของบริษัท

บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

  1. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรายอื่น

เราไม่รับผิดชอบต่อการกระทำหรือแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ของผู้ให้บริการเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน แพลตฟอร์ม หรือบริการใดๆที่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการรายอื่นซึ่งเชื่อมต่อมายังแพลตฟอร์มของเรา ท่านควรตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ให้บริการในแพลตฟอร์มนั้นๆ ทั้งนี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวของลูกค้าฉบับนี้มีผลใช้สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ประมวลผลโดยเราเท่านั้น

  1. การแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้
  • ขอสงวนสิทธิในการแก้ไข เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ให้เป็นปัจจุบันในเวลาที่เหมาะสม  เมื่อแนวทางปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเรามีการเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุผลต่างๆ  เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ฯลฯ  การแก้ไขหรือปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ให้เป็นปัจจุบันจะมีผลเมื่อเราได้เผยแพร่ลงบน www.aurabangkokclinic.com/Privacy-policy

  1. ข้อมูลการติดต่อของเรา

หากท่านมีคำถามเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและกิจกรรมของเราที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อเราตามรายละเอียดด้านล่างนี้ เรายินดีที่จะช่วยเหลือหากท่านต้องการขอข้อมูล เสนอแนะ หรือร้องเรียนใด ๆ

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

ที่อยู่: เลขที่ 100/14 ชั้น 11 สาธรนครทาวเวอร์ ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500

ช่องทางการติดต่อ: โทรศัพท์ : 02 024 2222 ทุกวันและเวลาทำการ 

(วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09.30 – 18.30 น.)

อีเมล: legal@aurabangkokclinic.com

 

ทั้งนี้ ให้มีผลนับแต่วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป

บริษัท อุรา กรุงเทพ คลินิก จำกัด