เคล็ดลับบูสต์ผิวให้กลับมาสวยกระจ่างใส ดูเปล่งปลั่ง มีออร่าที่คนดังหลายคนเลือกใช้ ก็คือการดริปผิวหรือฉีดวิตามินผิว แต่ระหว่างดริปผิวกับฉีดผิว ต่างกันยังไง พร้อมแนะนำวิธีการดูแลตัวเอง พร้อมสูตรวิตามินผิวที่ Aura Bangkok Clinic แนะนำ แบบไหนที่จะตอบโจทย์ผิวคุณได้ดีที่สุด วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบพร้อมกัน!
ดริปผิวกับฉีดผิว ต่างกันยังไง?
สำหรับคำถามว่า ดริปผิว คืออะไร? ดริปผิวกับฉีดผิว ต่างกันยังไง? ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ทั้งการดริปผิวและการฉีดผิว ต่างก็เป็นการให้วิตามินเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดโดยตรงทั้งคู่ แต่ต่างกันที่วิธีการเล็กน้อย คือ
- การดริปผิว หรือ IV Drip (Intravenous Vitamin Therapy) เป็นการให้วิตามินผ่านเส้นเลือด คล้ายกับการให้น้ำเกลือ จะใช้เวลาในการทำค่อนข้างนาน ประมาณ 15-30 นาที (ขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามินที่ดริป) การดริปผิววิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในคลินิกและโรงพยาบาลชั้นนำ ผลข้างเคียงน้อย
- การฉีดผิว การฉีดวิตามินผิว เหมือนกับการฉีดยาหรือฉีดวัคซีน แพทย์จะฉีดวิตามินเข้าหลอดเลือดโดยตรง โดยค่อยๆ ดันยาเข้าเส้นเลือด ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที ปริมาณตัวยาน้อยกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการความรวดเร็ว บริการฉีดผิวได้รับความนิยมน้อยลง คลินิกส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็นบริการดริปผิว (IV Drip)
การเติมวิตามินเข้าผิวโดยตรง ดียังไง?
นอกจากดริปผิวกับฉีดผิว ต่างกันยังไง? อีกคำถามที่คนส่วนใหญ่อยากรู้ คือการฉีดหรือดริปวิตามินผิวเข้าทางหลอดเลือดโดยตรง ดียังไง? ทั้งสองวิธีสามารถช่วยฟื้นบำรุงร่างกายจากภายในสู่ภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเห็นผลได้รวดเร็วกว่าการใช้แค่สกินแคร์บำรุงผิวเพียงอย่างเดียว โดยการดริปผิวจะเห็นผลดีต่อผิวและสุขภาพ ดังนี้
- ช่วยบำรุงผิวโทรม ให้ดูสดใส เปล่งปลั่ง และมีออร่ามากขึ้น
- ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ผิวดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน
- ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจน ให้ผิวมีความยืดหยุ่น ริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลง ผิวเรียบเนียนมากขึ้น
- สูตรวิตามินผิวขาวแบบฉีด มักมีส่วนผสมของวิตามินที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยปรับสีผิว ลดความหมองคล้ำ
- ช่วยเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ให้ผิวแข็งแรง ดูสุขภาพดี
- ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ร่างกายสดชื่น
แล้วต้องดริปวิตามินผิวกี่ครั้งเห็นผล?
จำนวนครั้งในการดริปผิวเพื่อให้ขาวใสขึ้นจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนและผลลัพธ์ที่ต้องการ ซึ่งโดยทั่วไปจะดริปต่อเนื่อง 3-5 ครั้งขึ้นไป จะช่วยให้ผิวนุ่มลื่น ผิวชุ่มชื่น บำรุงร่างกายให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า
ส่วนคนที่อยากขาว อยากปรับสีผิว คงสภาพผิวให้กระจ่างใสมีออร่า ควรดริปอย่างต่อเนื่องทุก 5 หรือ 7 วัน อย่างน้อย 10 ครั้งขึ้นไป คู่กับการพักผ่อนให้เพียงพอ ทากันแดด กินอาหารที่มีประโยชน์ จึงจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสดูมีออร่า ช่วยปรับสีผิวที่หมองคล้ำให้เปล่งปลั่งขึ้น ผิวแข็งแรงฟื้นตัวจากความหมองคล้ำได้ไว ความจำดีขึ้น กระตุ้นเซลล์ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ตามปกติ ลดการทำงานของอนมูลอิสระ ดีท็อกซ์พิษจากผิว
ดริปผิวสูตรไหนดี ให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไรบ้าง?
ในแต่ละคลินิกก็จะมีสูตรดริปผิว ฉีดผิวที่ต่างกันออกไป ซึ่งสูตรดริปผิวที่ Aura Bangkok Clinic เป็นสูตรเฉพาะที่พัฒนาขึ้นให้ตอบโจทย์กับทุกปัญหาผิว ดังนี้
Set Premium Skin 3 สูตร จากส่วนผสมระดับโปร ผิวใสโกลว์สม่ำเสมอ

- White Booster+ เป็นวิตามินสูตรที่พรีเมียมและเข้มข้นมากที่สุด และยังเป็นวิตามินสูตรที่ดีที่สุดของ Aura Bangkok Clinic ที่ช่วยบำรุงล้ำลึก เพิ่มวิตามินที่จำเป็นให้กับร่างกาย ปรับสีผิวทุกเฉดให้ดูสุขภาพดี มีส่วนผสมหลักของอนุพันธ์วิตามิน B3 ที่เข้มข้น มี ALA และ White Booster ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น ดีท็อกซ์สารพิษ และยังมีวิตามินซี เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- Ultimate Anti-aging วิตามินสูตรพรีเมียมจากส่วนผสมที่ดีที่สุด ช่วยให้เซลล์แก่ช้าลง ฟื้นฟูเซลล์ ฟื้นฟูระบบในร่างกาย เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ช่วยให้ผิวเด็ก มีส่วนผสมหลักของอนุพันธ์วิตามิน B3 วิตามิน B Complex แมกนีเซียม วิตามินซี และ ALA ยิ่งดริปต่อเนื่อง ยิ่งช่วยให้ผิวเด้ง เหมาะกับผิวที่ขาดการฟื้นฟู ผิวแก่ ผิวเสียจากแดดและมลภาวะ
- Ultimate Body Reboot วิตามินที่เน้นฟื้นฟูร่างกาย ฟื้นฟูเซลล์ ปกป้องเซลล์ผิว ช่วยเพิ่มพลังงานให้ผิว เติมความสดชื่นให้ร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนผสมของ Cindella แมกนีเซียม วิตามินซีเข้มข้น เหมาะกับผิวโทรม ใช้ร่างกายหนักเป็นเวลานาน พักผ่อนน้อย
Set Classic Skin 5 สูตร ผิวใสทุกโหมด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

- Aura White ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส อมชมพู นุ่มลื่น มีส่วนผสมของวิตามินบี 12 และ ACETIN สารต้านอนุมูลอิสระ
- Glow Skin เน้นผิวฉ่ำ ผิวเด้งอิ่มน้ำ ผิวกระจ่างใส ใช้ส่วนผสมที่เป็นสารตั้งต้นของกลูต้า ช่วยปรับสีผิว เหมาะกับคนผิวหมอง ผิวเหลือง
- Healthy Skin ช่วยให้ผิวแข็งแรง เสริมภูมิคุ้มกัน ฟื้นฟูความอ่อนล้า มีส่วนผสมของวิตามินบีรวม วิตามินบี 12 และ ACETIN ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ (Anti-Aging) ชะลอการเกิดริ้วรอย เร่งการเผาผลาญ
- Good Night ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด มีแมกนีเซียมช่วยเรื่องการนอนหลับ มีวิตามิน B6 ช่วยฟื้นฟูร่างกาย เหมาะกับคนที่เครียดสะสม ต้องการตัวช่วยให้หลับสบายขึ้น
- Fat Burn สูตรที่คิดค้นมาเพื่อคนที่อยากกระตุ้นการเผาผลาญ ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานเต็มที่ เหมาะกับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก
สำหรับใครที่สนใจดริปผิวกับออร่า สอบถามเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก!
การดูแลตัวเองก่อน-หลังเติมวิตามินให้ผิว
ก่อนเติมวิตามินผิว
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมหลักและประโยชน์ของวิตามินแต่ละตัวที่ใช้ดริปผิว
- เลือกคลินิกเสริมความงามที่มีมาตรฐาน มีรีวิวที่ดีบน Google Review, Facebook Fanpage รวมไปถึง Social Media อื่น ๆ ของคลินิก
- เลือกคลินิกที่ให้บริการดริปวิตามินผ่านทางเส้นเลือด หรือ IV Drip ดำเนินการโดยพยาบาลวิชาชีพ หรือผู้ช่วยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
- แจ้งประวัติการแพ้ยา ยาที่ทานประจำ โรคประจำตัว ประวัติการทำศัลยกรรมและภาวะการตั้งครรภ์กับคุณหมอก่อนดริปวิตามินทุกครั้ง
หลังเติมวิตามินผิว
- ทาครีมกันแดดทุกวันที่มี SPF 50+ PA++++ ขึ้นไป อย่างสม่ำเสมอ หรือทุกครั้งที่ออกแดด
- หลังดริปผิวหรือฉีดผิว ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
- หากกังวลเรื่องรอยช้ำ แนะนำให้หลีกเลี่ยงยา วิตามินและแอลกอฮล์ เช่น aspirin, Fish oil, collagen ประมาณ 4-5 วัน
- เลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แขนข้างที่เปิดเส้น 4-6 ชม.
- ควรดริปต่อเนื่อง สัปดาห์ละครั้งเพื่อคงผลลัพธ์
ข้อควรระวังในการดริปผิว มีอะไรบ้าง?
สำหรับใครที่สงสัยว่าดริปวิตามินผิว อันตรายไหม? การดริปผิว ฉีดผิว เป็นโปรแกรมที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า และเปิดให้บริการในหลากหลายคลินิกชั้นนำ รวมไปถึงมีงานวิจัยด้านความปลอดภัยหลังฉีดผิวรองรับ แต่ถ้าต้องพูดถึงข้อควรระวังของการดริปผิว คือการเลือกฉีดกับหมอกระเป๋า หรือคลินิกเถื่อนที่ไม่มีใบอนุญาต
โดยคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีการใช้วิตามินปลอม มีส่วนผสมของสารแปลกปลอมอื่น ๆ หรือขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ทำให้หลังดริปวิตามินผิวเกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น การติดเชื้อ เสี่ยงต่ออาการแพ้วิตามินรุนแรง หรือแม้กระทั่งเส้นเลือดแตก เกิดฟองอากาศในหลอดเลือด ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดผิวขาวที่ไหนดี ควรศึกษาข้อมูลของคลินิก ตรวจสอบใบอนุญาต พร้อมตรวจสอบส่วนผสมของวิตามินให้ละเอียด และปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด เพื่อประเมินสภาพร่างกายและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ตรงกับความต้องการมากที่สุด
สรุป
ดริปผิวกับฉีดผิว ต่างกันยังไง? ทั้งสองวิธีต่างก็เป็นการให้วิตามินผ่านทางหลอดเลือดดำเหมือนกัน แต่จะมีจุดเด่นต่างกันไป ควรเลือกให้เหมาะกับความต้องการ สำหรับการดริปผิว จะเหมาะกับคนที่มีเวลาและอยากได้รับวิตามินผิวใสอย่างเต็มที่ ส่วนการฉีดผิวจะเหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย ต้องการความรวดเร็ว หรือคนที่อยากเพิ่มออร่าให้ผิวแต่มีงบจำกัด เพราะใช้ปริมาณน้อยกว่า จึงมักมีราคาถูกกว่าการดริปวิตามิน
แต่ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุด คือการเลือกทำกับคลินิกที่ไว้ใจได้ เหมือนที่ Aura Bangkok Clinic ซึ่งมีแพทย์เป็นผู้ดูแลการดริปผิวอย่างใกล้ชิด มีสูตรวิตามินผิวให้เลือกอย่างหลากหลาย ราคาน่ารักฉีดแล้วเห็นผลจริง มีความปลอดภัย อยากกู้ผิวโทรม ลดความคล้ำเสีย ทักมาจองคิวหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ตลอด 24 ชม.
คำถามที่พบบ่อย
Q: ดำกรรมพันธุ์ ดริปผิว ผิวจะขาวขึ้นไหม
A: ร่างกายแต่ละคนจะเห็นผลได้ไม่เร็วเท่ากัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งกรรมพันธุ์และการดูแลตัวเอง ทำให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไปในแต่ละคน สำหรับคนที่มีเม็ดสีเมลานินจำนวนมาก ต้องการปรับสีผิวให้สว่างขึ้นจากเดิม ควรดริปผิวอย่างต่อเนื่อง 5-10ครั้งขึ้นไป ดริปต่อเนื่องทุกอาทิตย์ในช่วงแรก และดริปต่อเนื่องเดือนละ 1-2 ครั้งควบคู่กับการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ
วิตามินหลายๆ ชนิดที่อยู่ในวิตามินดริปผิว ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและกลูตาไธโอนตามกระบวนการธรรมชาติ วิตามินมีส่วนช่วยลดกระบวนการสร้างเม็ดสีของเซลล์ ช่วยให้ผิวแข็งแรง ฟื้นฟูผิวจากความหมองคล้ำ จึงทำให้ผิวสุขภาพดีขึ้น เมื่อผิวแข็งแรงจากภายใน ผิวจึงเปล่งปลั่งกระจ่างใสขึ้นนั่นเอง
Q : หลังเติมวิตามินให้ผิวมีโอกาสกลับมาคล้ำอีกไหม
A : หลังเติมวิตามินผิวจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น แต่ก็อาจกลับมาคล้ำได้เหมือนกัน เพราะเมื่อผิวโดนแดดแรงๆ ร่างกายจะผลิตเม็ดสีเมลานินออกมา ผิวจึงกลับมาหมอง ผิวกลับไปเป็นเฉดเดิมได้ ไม่เกี่ยวกับการหยุดดริปผิวแต่อย่างใด ดังนั้นเพื่อผิวที่กระจ่างใสยาวนาน ปรับสีผิวให้เห็นผลชัดเจนมากที่สุด ควรดริปผิวและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง
Q : หลังดริปวิตามิน ผิวจะบางลงไหม
A : การดริปวิตามินผิว ไม่ได้ทำให้ผิวบางลงแต่อย่างใด และไม่ได้ทำให้โครงสร้างผิวอ่อนแอลง แต่ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน จึงช่วยให้ผิวกระจ่างใส ดูอิ่มฟู เปล่งปลั่ง
Q : ดริปผิวกับฉีดวิตามินผิว มีผลข้างเคียงไหม?
A : ดริปผิวกับฉีดวิตามินผิวเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย ถ้าทำโดยแพทย์ที่ผ่านการเทรนด์เป็นอย่างดี ในคลินิกที่มีมาตรฐาน และใช้วิตามินคุณภาพดี ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย คือ รอยช้ำเข็ม ซึ่งหายได้เองใน 7-14 วัน ไม่อันตราย หรือบางคนอาจมีอาการแพ้ มีผื่นคัน แต่เป็นผลข้างเคียงที่พบได้น้อย
อ้างอิง
Skin Whitening & Lightening IV Drip Therapy. (n.d.). Fresh Treatments. https://freshtreatments.com.au/skin-whitening-iv-therapy/
What Is IV Therapy? Definition, Benefits, Types. (n.d.). ivboost. https://ivboost.uk/about/what-is-iv-therapy-definition-benefits-types/











