Juvelook vs Sculptra

Juvelook vs Sculptra เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละตัว ก่อนตัดสินใจทำ

16/05/2025

นาทีนี้ถ้าให้พูดถึงนวัตกรรมฟื้นฟูผิวระดับพรีเมียม Juvelook vs Sculptra คงเป็นคู่เปรียบเทียบที่หลายคนสนใจ ทั้งสองหัตถการนี้ได้รับการยอมรับในวงการความงามว่าช่วยฟื้นฟูผิวเติมคอลลาเจนในชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมความยืดหยุ่นให้ผิวกลับมาแข็งแรง อิ่มฟู ดูกระชับอีกครั้ง

แม้จะดูเหมือนว่าทั้ง Juvelook และ Sculptra มีข้อดีและประโยชน์ใกล้เคียงกัน แต่ถ้าลองดูในรายละเอียดแล้ว ทั้งสองหัตถการมีความแตกต่างกันที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างชัดเจน

สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจว่าควรเลือกทำ Juvelook หรือ Sculptra ดี ในบทความนี้จะเปรียบเทียบในทุกแง่มุมของทั้งสองหัตถการ ไม่ว่าจะเป็นกลไกการทำงาน ข้อดี ข้อเสีย ช่วงเวลาที่เห็นผล และความเหมาะสมกับผิวแต่ละแบบ ถ้าต้องเลือกทำเพียงหนึ่งหัตถการ อะไรคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ไปหาคำตอบกันเลย!

Juvelook vs Sculptra คืออะไร?

เมื่อพูดถึง Juvelook vs Sculptra หลายคนอาจสงสัยว่าทั้งสองตัวนี้ต่างกันยังไง ในความจริงแล้ว ทั้งคู่จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator หรือสารที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพเหมือนกัน แต่มีส่วนประกอบและกลไกการทำงานต่างกัน

Juvelook คือนวัตกรรมฟื้นฟูคอลลาเจนที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยยกกระชับผิว เพิ่มวอลลุ่มให้ผิว ช่วยเติมความชุ่มชื้น ลดริ้วรอยจางๆ และช่วยกระชับรูขุมขนได้ด้วย Juvelook ประกอบด้วยสารหลัก 2 ชนิดคือ Poly D, L-Lactic Acid (PDLLA) ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นผิว เสริมโครงสร้างผิว ช่วยเรื่องความกระชับของผิว และ Hyaluronic Acid (HA) แบบ Non-Crosslinked ที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นทำให้ผิวโกลว์ ฉ่ำน้ำ

juvelook vs sculptra คือ

ในฝั่งของ Sculptra ก็เป็นสารในกลุ่ม Collagen Biostimulator ที่มีส่วนประกอบหลักเป็น Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นผิว ช่วยให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูคอลลาเจนในผิวของเราเองได้ถึง 66.5% บำรุงผิวลึกถึงโครงสร้างผิวชั้นล่าง เมื่อผิวเริ่มผลิตคอลลาเจนใหม่ ก็จะมีความตึง กระชับ ริ้วรอยลึกก็ตื้นขึ้น และหน้าเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด

Juvelook VS Sculptra ช่วยอะไร?

Juvelook และ Sculptra เป็นสารในกลุ่ม Collagen Biostimulator แล้ว Juvelook และ Sculptra ช่วยอะไร คำตอบก็มีดังนี้

  • ช่วยฟื้นฟู ปรับสภาพผิวให้ยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้น และลดริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า
  • ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เนียนไปกับผิว ไม่เป็นก้อน
  • ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับผิว แก้ปัญหาผิวทรุด ผิวหย่อน ผิวหลวม
  • ช่วยให้หน้าดูเด็กลง ผิวอิ่มฟู ดูกระชับ
  • ป้องกันและชะลอความเสื่อมของผิว คืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า
  • กระตุ้นเซลล์ผิวให้ทำงานและฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น

Juvelook VS Sculptra เหมาะกับใคร?

Juvelook เหมาะกับใคร?

  • ผิวหมอง หน้าแห้ง แต่งหน้าไม่ติด
  • มีปัญหารูขุมขนกว้าง
  • มีหลุมสิว ผิวไม่เรียบเนียน
  • ผิวขาดวอลลุ่ม ผิวโทรมเสื่อมสภาพ
  • ใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ มีร่องน้ำตา
  • มีริ้วรอย มีตีนกา มีริ้วรอยรอบๆ คอ

Sculptra เหมาะกับใคร?

  • คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
  • คนที่มีปัญหาผิวขาดความยืดหยุ่น ขาดคอลลาเจน
  • คนที่ผิวเริ่มมีอายุ หน้าห้อย มีริ้วรอยจางๆ
  • คนที่โครงสร้างผิวไม่แข็งแรง ผิวหลวม ขาดการดูแล
  • คนที่ต้องการให้ผิวดูแน่น อิ่มฟู ดูกระชับ

ตารางเปรียบเทียบ Juvelook VS Sculptra

คุณสมบัติ Juvelook Sculptra
ส่วนประกอบ PDLLA + Hyaluronic Acid (HA) Poly-L-Lactic Acid (PLLA)
การทำงาน เพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิว เน้น ฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึกที่เสื่อมสภาพ
เหมาะกับ ผิวแห้ง แต่งหน้าไม่ติด รูขุมขนกว้าง ริ้วรอยตื้นๆ ผิวหมอง ผิวหย่อนคล้อย ผิวเสื่อมสภาพ ขาดความกระชับ ริ้วรอยลึก ใบหน้าขาดมิติ
ระยะเวลาเห็นผล ผิวดูเต็มขึ้น ดูฟูขึ้นทันทีหลังทำ ประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผิวจะมีวอลลุ่มมากขึ้น ผิวเรียบเนียน ฉ่ำวาว สุขภาพดี ผิวดูเต็มขึ้นทันที 20% เห็นผลเต็มที่ภายใน 3 เดือน ผิวแข็งแรง ใบหน้ายกกระชับ เต่งตึง
ตำแหน่งฉีด ทั่วใบหน้า คอ มือ แก้ม หน้าผาก ขมับ ขอบตา กรอบหน้า
ระยะเวลาคงผลลัพธ์ ประมาณ 6-12 เดือน 18-24 เดือน (1-2 ปี)

Juvelook VS Sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง? อยู่ได้นานแค่ไหน?

เมื่อเปรียบเทียบ Juvelook vs Sculptra ในแง่ของความถี่ในการฉีดและระยะเวลาของผลลัพธ์ พบว่า Juvelook ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง โดยแพทย์มักจะแนะนำให้ฉีดทั้งหมด 3 ครั้ง และเว้นระยะห่างระหว่างการฉีดแต่ละครั้งประมาณ 4 สัปดาห์

ส่วนใครที่อยากรู้ว่า Sculptra ฉีดกี่ครั้ง? ต้องบอกว่าผลลัพธ์ของ Sculptra อยู่ได้นาน ถึง 2 ปี ซึ่งนานกว่าหัตถการอื่น ๆ อย่างโบท็อกหรือการฉีดฟิลเลอร์ โดยแพทย์จะแนะนำให้ฉีดประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ละครั้งควรเว้นระยะห่าง 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาตอบสนองต่อการกระตุ้นและสร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่

Juvelook VS Sculptra ทำอันไหนดี?

การเลือกระหว่าง Juvelook vs Sculptra เป็นคำถามที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ สำหรับคนที่สนใจแก้ปัญหาผิวด้วยการฟื้นฟูคอลลาเจน ซึ่งคำตอบที่ดีที่สุดไม่ได้อยู่ที่ว่าหัตถการไหนดีกว่ากัน แต่อยู่ที่ว่าอะไรเหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของเรามากกว่า การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว อายุ และปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการตัดสินใจเลือก

โดยแพทย์จะวิเคราะห์ลักษณะผิว ความหย่อนคล้อย ระดับริ้วรอย ความบาง-หนาของผิวแต่ละจุด รวมถึงเป้าหมายการรักษาที่ต้องการ เพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งทั้ง Juvelook และ Sculptra ต่างก็มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์ในปัญหาที่แตกต่างกัน

สำหรับคนที่ต้องการเห็นผลเร็ว ๆ เช่น กำลังจะมีงานสำคัญในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น หรือมีริ้วรอยตื้น ๆ Juvelook อาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า เพราะให้ผลลัพธ์ด้านความชุ่มชื้นได้เร็วและชัดเจน

ส่วนคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดวอลลุ่ม มีริ้วรอยลึกที่ชัดเจน หรือมีเวลารอผลลัพธ์ได้ Sculptra อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระดับลึก และให้ผลลัพธ์ที่คงทนยาวนาน โดยในบางกรณีแพทย์อาจจะแนะนำให้ทำทั้งสองหัตถการร่วมกันเพื่อประโยชน์สูงสุด โดยอาจเริ่มจาก Sculptra เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวก่อน แล้วตามด้วย Juvelook เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและความเปล่งปลั่งตามมา

Juvelook VS Sculptra ฉีดทั้งคู่ได้ไหม?

Juvelook vs Sculptra หลายคนอาจสงสัยว่าจำเป็นต้องเลือกแค่หนึ่งหัตถการเท่านั้นไหม ถ้าฉีดทั้ง Juvelook และ Sculptra อันตรายไหม? ความจริงแล้ว ทั้งสองหัตถการนี้ทำควบคู่กันได้และในหลายกรณีการทำร่วมกันอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นก็เป็นได้ เพราะแต่ละหัตถการมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดยการตัดสินใจทำทั้ง Juvelook และ Sculptra ควรอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาจากสภาพผิว ความต้องการ และเรื่องอื่น ๆ ประกอบกัน รวมถึงแนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการทำแต่ละหัตถการ

โดยทั่วไปถ้าเริ่มจาก Sculptra แพทย์มักแนะนำให้เว้นระยะประมาณ 3-6 เดือนก่อนทำ Juvelook หรือในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดในจุดที่แตกต่างกัน เช่น ใช้ Sculptra สำหรับกรอบหน้าและหน้าแก้มเพื่อเพิ่มมิติ และใช้ Juvelook ฉีดผิวชั้นตื้น เน้นจุดที่ต้องการความชุ่มชื้นหรือมีริ้วรอยตื้น ๆ

Juvelook VS Sculptra เจ็บไหม?

Juvelook vs Sculptra เจ็บไหม? คำถามยอดฮิตที่หลายคนอยากรู้ก่อนตัดสินใจฉีด ที่ Aura Bangkok Clinic ก่อนที่ลูกค้าจะตัดสินใจทำหัตถการ แพทย์จะประเมินผิวและวิเคราะห์สภาพผิวให้โดยละเอียด ก่อนทำหัตถการจะมีการเตรียมผิวด้วยการแปะยาชาก่อนเริ่มทำ ช่วยลดความรู้สึกเจ็บระหว่างฉีดได้ดี โดยเฉพาะ Juvelook ซึ่งฉีดในชั้นผิวตื้น อาจรู้สึกแค่เพียงจี๊ดเบา ๆ เท่านั้น เหมาะกับคนที่กลัวเข็มหรือไม่เคยฉีดมาก่อน

ส่วน Sculptra แม้จะต้องฉีดเข้าไปลึกกว่าเล็กน้อย แต่ที่ Aura Bangkok Clinic จะมีการแปะยาชาก่อนฉีด และมีการประคบน้ำแข็ง เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเจ็บน้อยลง

ตัวเข็มที่ใช้จะเป็นเข็มทู่ขนาดเล็กพิเศษ ช่วยลดโอกาสเกิดรอยช้ำ ลดโอกาสที่ตัวยาจะเข้าเส้น แพทย์จะค่อยๆ ฉีดอย่างเบามือ แพทย์และพยาบาลจะคอยเช็กระดับความเจ็บของลูกค้าระหว่างฉีด หากทนเจ็บได้น้อย จะมีการปรับเทคนิคการฉีดเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเจ็บน้อยที่สุด

Juvelook VS Sculptra ราคาเท่าไหร่?

Juvelook ที่ Aura Bangkok Clinic มีโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าออร่าเท่านั้น

Juvelook ราคาเพียง 15,900 บาท จากราคาปกติ 19,990 บาท

Sculptra ราคา 25,000 บาทต่อขวด แถมฟรีโปรแกรมวิตามินบำรุงผิวที่เลือกสูตรได้เองถึง 2 ครั้ง

ทุกโปรแกรม ยิ่งซื้อเยอะยิ่งคุ้ม พิเศษ! โปรผ่อนบัตรเครดิต ผ่อน 0% สูงสุด 6 เดือน
สนใจโปรผ่อน คลิกเลย!

สรุป

Juvelook vs Sculptra เป็นโปรแกรมฟื้นฟูผิวที่ได้รับความนิยมสูง ผลลัพธ์ชัดเจน คุ้มค่า โดย Juvelook ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ทันที พร้อมกับเสริมคอลลาเจนในผิวไปด้วย เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง หรือริ้วรอยตื้น ๆ เห็นผลเร็วและอยู่ได้ประมาณ 12 เดือนเมื่อฉีดครบตามโปรโตคอล

ส่วน Sculptra เน้นกระตุ้นผิว เติมคอลลาเจนในชั้นผิวระดับลึก เหมาะกับคนที่ผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ ผิวโทรมเสื่อมสภาพ แม้จะรอผลลัพธ์นานกว่า แต่ให้คงผลลัพธ์ได้นานถึง 2 ปี เมื่อฉีดต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำ

ผิวโทรม ผิวไม่ยืดหยุ่น อยากหน้าเด็ก เข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อปรับรูปหน้าที่ Aura Bangkok Clinic ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แพทย์ออกแบบการรักษาเคสต่อเคส ดูแลใกล้ชิดทุกขั้นตอน เน้นหัตถการที่ตอบโจทย์ปัญหา แพทย์ผ่านการเทรนนิ่งเทคนิคการฉีดจากบริษัทยาโดยตรง ใช้ยาแท้จากบริษัทยาชั้นนำระดับโลก เน้นดูแลระยะยาว เน้นความคุ้มค่า ปลอดภัย เห็นผล จองคิวปรึกษาวันนี้ ลูกค้าใหม่รับฟรี! โปรแกรมฉีดหน้าใส 2 เข็ม

สนใจโปรโมชั่น Juvelook และSculptra คลิกที่นี่!

Q&A

Q : ฉีด Juvelook vs Sculptra ใช้กี่ cc

A : Juvelook 1 ขวด มีปริมาณ 6 CC ในการฉีดแต่ละครั้ง ในลูกค้าแต่ละคน ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ โดยการคำนวณจำนวน cc ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน เพราะแต่ละคนมีความต้องการและการตอบสนองต่อการรักษาที่แตกต่างกัน

Q : วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด Juvelook กับ Sculptra

A : ข้อปฏิบัติหลังฉีด Juvelook

  • หลังฉีด JUVELOOK จะมีตุ่มนูนขึ้นตามจุดที่ฉีด เป็นเรื่องปกติและไม่อันตราย ตุ่มจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 1-3 วัน
  • อาจมีรอยเข็มเล็ก รอยแดงจางๆ รอประมาณ 4-6 ชั่วโมงเมื่อแผลปิดสนิท สามารถใช้คอลซีลเลอร์กลบได้ รอยแดงที่มีจะค่อยๆ หายได้เองภายใน 5-7 วัน
  • เพื่อความสะอาดและลดโอกาสติดเชื้อ แนะนำให้ใช้น้ำสะอาด น้ำดื่ม น้ำเกลือในการทำความสะอาดผิว และงดแต่งหน้าในช่วง 24 ชม. หลังฉีด
  • รอยเขียวช้ำ เกิดได้ในบางเคสและไม่อันตราย สามารถทายาลดรอยเขียวช้ำได้ และรอยช้ำจะค่อยๆ หายได้เองภายใน 7-14 วัน
  • ควรบำรุงผิวหน้า ทามอยเจอไรเซอร์ ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
  • ควรฉีดอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและยาวนาน

การดูแลหลังฉีด sculptra

  • ควรประคบเจลเย็นบริเวณที่ทำการฉีดในช่วง 24 ชม. แรกเพื่อลดอาการบวม
  • นวดหน้าตามหลัก Triple 5 ต่อเนื่อง 5 วัน วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที เพื่อให้ตัวยากระจายทั่วใบหน้า
  • 24 ชั่วโมงหลังฉีด งดแต่งหน้า งดทาครีมบำรุง งดอบซาวน่าและอบไอน้ำ งดทำหัตถการที่ใช้ความร้อน ยิงเลเซอร์ Ultraformer III, Thermage, Uthera
  • ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดหรือแสงยูวีจนกว่าอาการบวมแดงจะหายไป
  • งดแกะ เกา บีบและสัมผัสรอยเข็ม ถ้าเป็นคนบวมช้ำง่าย สามารถกินยาลดรอยช้ำได้
  • ถ้าต้องการทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า เช่น ฟิลเลอร์ ฉีดแฟต วิตามินหน้าใส ควรเว้นระยะห่าง 7-14 วัน (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์)

อ้างอิง

Everything You Need to Know About Juvelook Before Your Appointment. (2025). KoreaBeautyTech. https://www.koreabeautytech.com/en-wo/blogs/news/everything-you-need-to-know-about-juvelook-before-your-appointment?srsltid=AfmBOopzLqAxq-aL3QKwD1dwAhhMREp_dGchN0TXajwz84HrB9vjz8Vr

Sculptra: What It Is, Where It’s Injected, Results & Risks. (n.d.). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/24676-sculptra

โปรโมชั่นประจำเดือนนี้

ปรึกษาคุณหมอฟรี

บทความอื่นๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง

โบท็อกซ์หัตถการสำหรับผู้ชายที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย…

อ่านต่อ

คนที่เคยผ่านการรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยการนวด การทำกายภาพ…

อ่านต่อ

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ “ไหมน้ำ” แต่อาจยังไม่แน่ใจว่าคือ…

อ่านต่อ

ถ้าพูดถึงหัตถการยอดฮิตในวงการความงาม “ฟิลเลอร์” และ “โบ…

อ่านต่อ

หน้าผากย่น หน้าผากยับ หน้าผากเป็นร่อง ฯ เป็นริ้วรอยที่เ…

อ่านต่อ

รอยย่นระหว่างคิ้ว เป็นหนึ่งในปัญหาริ้วรอยที่ทำให้ใบหน้า…

อ่านต่อ
อ่านบทความอื่น ๆ

ช่องทางการรับแจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียน

บริษัทฯ และบริษัทย่อยเปิดโลกาสให้พนักงาม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และบุคคลภายบอกแจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียนผ่านช่องทางดังต่อไปนี้ โดยผู้ร้องเรียนจะต้องระบุรายละเอียดของเรื่องที่จะแจ้งเบาะแส พร้อมชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดติดต่อได้ ส่งมายังช่องทาง รับเรื่องดังนี้

ฝ่ายทรัพยากรบุคคล

hr@arwn.co
ไปรษณีย์
ฝ่ายทรัพยากรบุคคล
บริษัท ออร่าเวลเนส จำกัด
100/14 อาคารสาทรนครทาวเวอร์ ชั้นที่ 11
ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก
กรุงเทพมหานคร

เลขานุการบริษัท

whistle@arwn.co
ไปรษณีย์
บริษัท ออร่าเวลเนส จำกัด
100/14 อาคารสาทรนครทาวเวอร์ ชั้นที่ 11
ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก
กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ การร้องเรียนจะถือเป็นควานลับที่สุด และนี้ร้องเรียนสามารกร้องเรียนได้มากกว่าหนึ่งช่องทาง และไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนผู้ร้อง เรียน เว้นแต่หากเปิดเผยตนเองจะทำให้บริษัทสามารถแจ้งผลการดำเนินการหรือรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องที่ร้องเรียนให้ทราบได้