ใครเคยเป็นสิวจะรู้ว่าการรักษาสิวให้หายเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย และดูแลให้รอยสิวหายก็เป็นเรื่องยาก ทั้งคลินิก แบรนด์และแพทย์ผิวหนัง จึงคิดค้นวิธีการรักษาแบบใหม่ๆ ที่จะช่วยให้รอยสิว จุดด่างดำ อยู่เสมอ เราจึงเห็นว่าทุกปีจะมีนวัตกรรมการรักษารอยสิว ลดรอยสิว กำจัดรอยสิวในหลากหลายรูปแบบ เช่น เมโสลดรอยสิว PICO laser ลดรอยสิว คอร์สลดรอยสิว สกินแคร์ลดรอยสิว ฯ
วิธีลดรอยสิว รักษารอยสิวมีหลายแบบ หลายราคาจนเลือกไม่ถูก แล้ววิธีไหนจะช่วยรักษารอยสิวได้ ในงบสบายกระเป๋า ช่วยให้รอยสิวจาง หน้าใสจริง บทความนี้มีคำตอบ
รอยดำ รอยแดงจากสิว เกิดจากอะไร?
รอยแดงและรอยดำจากสิวเป็นปัญหาผิวที่มักเกิดขึ้นหลังจากสิวหาย โดยมีสาเหตุและกลไกที่ต่างกัน รอยแดงจากสิวมักเกิดจากการอักเสบของผิวหนัง ทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณนั้นขยายตัว ส่งผลให้ผิวมีสีแดง ชมพู หรือม่วง ขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคน รอยแดงประเภทนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นแผลเป็นถาวร และมักจะจางลงเองภายในไม่กี่เดือนหากผิวไม่ได้รับการรบกวนเพิ่มเติม เช่น การแกะหรือบีบสิว
ในขณะที่รอยดำจากสิว มักเกิดจากการที่ผิวหนังสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้นหลังจากที่มีการอักเสบหรือระคายเคือง ไม่ว่าจะเกิดจากสิวที่อักเสบหรือแม้แต่สิวที่ไม่ได้มีการอักเสบรุนแรงก็ตาม ลักษณะของรอยดำจะมีสีเข้ม เช่น น้ำตาล เทา หรือดำรอยดำมักใช้เวลานานกว่าจะจางลง โดยอาจใช้เวลาหลายเดือนถึงเป็นปี ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและปัจจัยภายนอก เช่น การโดนแสงแดด การบำรุงผิว
รอยสิว หลุมสิวเหมือนกันไหม ต่างกันอย่างไร?
รอยสิวและหลุมสิวเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากสิวหาย แต่ทั้งสองอย่างมีลักษณะ สาเหตุ และวิธีการดูแลที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
รอยสิว คือสีผิวที่เปลี่ยนไปบริเวณที่เคยเป็นสิว โดยอาจเป็นรอยแดงหรือน้ำตาลขึ้นอยู่กับลักษณะการอักเสบและสีผิวของแต่ละคน รอยแดงมักเกิดจากการอักเสบที่ยังไม่หายสนิท ส่วนรอยดำเกิดจากการสร้างเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไปหลังจากการอักเสบของผิวหนัง รอยสิวเป็นเพียง “สี” ที่เปลี่ยนไปบนผิว ไม่ได้ส่งผลต่อความเรียบเนียนของผิว และสามารถจางลงเองได้ตามธรรมชาติ หรือช่วยให้จางเร็วขึ้นด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม เช่น วิตามินซี เรตินอล หรือกรดผลไม้บางชนิด
ในทางตรงกันข้าม หลุมสิว คือแผลเป็นชนิดหนึ่งที่เกิดจากการที่สิวอักเสบรุนแรงไปทำลายเนื้อเยื่อผิวหนัง เมื่อสิวหายแล้วร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อได้สมบูรณ์เหมือนเดิม จึงเกิดเป็นรอยบุ๋มหรือผิวไม่เรียบ ซึ่งหลุมสิวมักมีลักษณะถาวรมากกว่ารอยสิว และไม่สามารถจางหายได้เอง จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีที่ลึกกว่าการใช้ครีมบำรุง เช่น เลเซอร์ ทำไมโครนีดลิ่ง หรือการฉีดสารเติมเต็มในบางกรณี
ควรใช้อะไร รักษารอยดำรอยแดง
การจะลดรอยสิวให้จางลงอย่างได้ผลจริง จำเป็นต้องมีทั้งความเข้าใจในสภาพผิว วินัยในการดูแล และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง ต่อไปนี้คือ 10 วิธีลดรอยสิวให้จางลงที่เห็นผลจริง หากทำอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง
1. ฉีดวิตามินผิว
การฉีดวิตามินผิวอาจช่วยลดรอยสิวได้ โดยเฉพาะรอยดำไม่ลึก พร้อมเสริมผิวให้ดูใสขึ้น แต่ควรใช้ร่วมกับการดูแลผิวที่เหมาะสม ซึ่งโปรแกรมที่แพทย์ Aura Bangkok Clinic นิยมใช้รักษารอยดำรอยแดงให้ลูกค้า ได้แก่
- Yoshi Signature Glow โปรแกรมฉีดหน้าใสพรีเมียม สูตรเฉพาะที่ Aura Bangkok Clinic ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส ฉ่ำเงาเนียนละเอียด มีออร่าเหมือนโยชิ รินรดา เห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด เพราะมีส่วนผสมของวิตามินเข้มข้น มากถึง 5 ชนิด
- วิตามินหน้าใส Aura Bright ออร่าไบรท์ เป็นวิตามินฉีดหน้าใสสูตรเข้มข้น ช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิว บูสต์ผิวให้กระจ่างใส ปรับสีผิวให้สว่างขึ้น ใช้ฉีดได้ทั่วหน้า หรือฉีดลดรอยสิวที่หลัง รักแร้ จุดด่างดำเฉพาะจุด
- MADE Collagen วิตามิน MADE และสารสกัดคอลลาเจนเข้มข้น ช่วยดีท็อกซ์และขับสิ่งสกปรกในผิว ปรับสมดุลผิว ฟื้นฟูผิว ลดโอกาสการอักเสบและลดโอกาสการเกิดสิว ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส อิ่มน้ำ แต่งหน้าติดทนมากขึ้น นิยมฉีดคู่กับ Aura Bright เพื่อให้ผิวกระจ่างใสขั้นสุด
- Intensive Skin Repair
โปรแกรมทำหน้าใสที่ใช้เครื่องยิงตัวยาลงบนผิวหน้า ตัวยาสำคัญ Active Substances 5 ชนิด คือ ฟิลเลอร์, โบท็อก, Stemcell, Growth Factor, MADE Collangen, และ Aura Bright เพื่อบำรุงผิวและฟื้นฟูผิว กระชับผิวกระชับรูขุมขน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ลดริ้วรอย ผิวหน้าเรียบเนียน ผิวหน้าอิ่มฟู ฉ่ำวาวดูสุขภาพดี ดีท็อกซ์ผิว
2. หลีกเลี่ยงการบีบ แกะ หรือเกาสิว
การบีบสิวอาจทำให้เกิดการอักเสบลึกขึ้น และกระตุ้นการสร้างเม็ดสี ทำให้รอยสิวเกิดง่ายและรักษายากขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด
3. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
รังสี UV จากแสงแดดสามารถกระตุ้นให้รอยสิวเข้มขึ้นและหายช้าลง การทาครีมกันแดดทุกวันจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยปกป้องผิวและลดโอกาสเกิดรอยดำซ้ำ
4. ผลัดเซลล์ผิวด้วย AHA หรือ BHA
กรด AHA และ BHA นี้ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่มีรอยสิวสะสมอยู่ด้านบน ส่งเสริมให้ผิวใหม่ขึ้นมาแทน ทำให้รอยจางลงเร็วขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
5. นอนหลับให้เพียงพอและดื่มน้ำมากๆ
การนอนพักผ่อนที่ดีจะช่วยให้ผิวซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่ และการดื่มน้ำมากพอจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ฟื้นตัวจากรอยสิวได้เร็วขึ้น
6. ทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์
หากรอยสิวฝังลึกหรือไม่ตอบสนองต่อการดูแลทั่วไป การทำเลเซอร์ เช่น Pico Majesty เทคโนโลยีเลเซอร์ผิวหนังจากประเทศเกาหลี พลังงานสูง รุ่นใหม่ล่าสุด ช่วยให้เม็ดสีแตกตัว ช่วยแก้ปัญหาจุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยดำรอยแดง รอยสิว โดยไม่ทำลายผิวโดยรอบ และช่วยลดหลุมสิวตื้นๆ กระชับรูขุมขน ฟื้นฟูสภาพผิว กระตุ้นผิวให้เกิดการฟื้นฟูคอลลาเจนและอีลาสติน
7. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ทำให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น ส่งผลให้ผิวซ่อมแซมตัวเองเร็วขึ้น และรอยสิวจางลงได้ไวกว่าเดิม
8. ใช้แผ่นแปะสิวหรือแผ่นลดรอยสิว
หลังสิวหาย หลายคนใช้แผ่นเจลใสหรือแผ่นแปะที่มีสารช่วยลดรอย เพื่อปกป้องผิวจากฝุ่นและแสงแดด และให้รอยค่อยๆ จางลง
9. สครับหน้าเพื่อลดรอยสิว
การสครับหน้าเพื่อลดรอยสิวเป็นวิธีที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าซึ่งอาจมีเม็ดสีสะสมอยู่ ทำให้รอยสิวจางลงเร็วขึ้น และช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสมากขึ้น แต่ต้องทำอย่างถูกวิธี เพราะถ้าสครับแรงเกินไป หรือใช้บ่อยเกิน อาจทำให้ผิวอักเสบและรอยสิวแย่ลงกว่าเดิมได้
10. มาสก์หน้าด้วยแผ่นมาสก์สูตรอ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม
มาส์กหน้าด้วยสูตรธรรมชาติหรือสูตรอ่อนโยน เช่น มาสก์โยเกิร์ต น้ำผึ้ง หรือว่านหางจระเข้ (ที่ไม่มีน้ำหอมและสารกันเสีย) ช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
คอร์สลดรอยสิว แพงไหม
ราคาคอร์สลดรอยสิว หรือโปรแกรมลดรอยสิว แต่ละคลินิกจะมีราคาที่แตกต่างกัน ราคาขึ้นอยู่กับตัวยาที่ใช้ เทคโนโลยีที่ใช้ จำนวนครั้งที่รักษา บางคลินิกอาจมีการคิดค่าบริการ ค่าอุปกรณ์เพิ่ม ราคาโดยเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 1,000-50,000 บาท
โปรแกรมลดรอยสิวที่ Aura Bangkok Clinic เป็นโปรแกรมมที่แพทย์ออกแบบให้ลูกค้าเคสต่อเคส ประเมินผิวกับแพทย์โดยตรง บริการโดยแพทย์ชำนาญการ ตัวยาปลอดภัยมีมาตรฐาน เน้นผลลัพธ์ ไม่เลี้ยงไข้ มีนัดติดตามผลกับแพทย์เจ้าของเคส ราคาเริ่มต้น 1,800 บาท
ปล่อยให้รอยสิวหายเอง VS ฉีดลดรอยสิว แบบไหนดีกว่ากัน
ถ้าอยากมีผิวที่ดูใส ไร้จุดด่างดำ การใช้วิธีต่างๆ เช่น ทาเซรั่ม ฉีดวิตามินลดรอยสิวในการรักษาให้รอยสิวหาย ดีกว่าการปล่อยให้รอยสิวหายเอง เพราะร่างกายจะใช้เวลาในการกำจัดการเม็ดสีนาน 2-6 เดือน (ขึ้นอยู่กับประเภทรอยสิวที่เป็น) ในระหว่างที่รอให้รอยสิวค่อยๆ จาง ก็อาจมีสิวเกิดใหม่ สะสมไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นจุดด่างดำ รอยสิวสะสม ทำให้หน้าดูหมองคล้ำได้
รอยสิวที่หลัง รอยสิวท้ายทอย รักษายังไง
นอกจากรอยสิวบริเวณใบหน้า บางคนอาจมีปัญหาสิวที่หลัง สิวที่หลังคอหรือท้ายทอย ซึ่งรอยสิวส่วนใหญ่จะเป็นรอยดำรอยแดงกระจายเป็นจุดๆ สามารถรักษาได้หลายวิธี เช่น การฉีดรอยสิวเฉพาะจุด การทำเลเซอร์ลบรอยสิว ทาเซรั่มหรือยาลดรอยสิว ฯ เพื่อให้รอยสิวจางลงและสีผิวสม่ำเสมอกัน ออร่าแนะนำให้รักษาต่อเนื่อง ตามจำนวนครั้งที่แพทย์แนะนำ
สรุป
ถึงสิวจะหายแล้ว แต่รอยสิว รอยดำรอยแดงจากสิว เป็นปัญหาที่ต้องรักษาต่อเนื่อง เพราะถ้าปล่อยไว้จะทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ หน้าหมอง ต้องคอยปกปิด รอยสิวประเภทรอยดำ รอยแดง สามารถรักษาให้จางลงได้ โดยการทำหัตถการ ทาสกินแคร์ หรือทำโปรแกรมลดรอยสิว การรักษารอยสิวให้เห็นผลดีที่สุด ควรให้แพทย์ประเมินว่าเรามีรอยสิวแบบไหน สภาพผิวเป็นยังไง เพื่อให้การรักษารอยสิว เห็นผลดีที่สุด
ปรึกษาแพทย์ชำนาญการ วางแผนการรักษารอยสิวที่ Aura Bangkok Clinic ได้ฟรีทุกสาขา คลินิกมาตรฐาน บริการโดยแพทย์ทุกเคส แอดไลน์ปรึกษาแพทย์ คลิก!
คำถามที่พบบ่อย
Q : รอยสิวหายแล้ว ยังต้องทำคอร์สลดรอยสิวต่อไหม
A: การรักษารอยสิวด้วยโปรแกรมหรือคอร์สที่ใช้ตัวยาที่ปลอดภัย เครื่องที่มีมาตรฐาน ควรทำต่อเนื่องให้ครบคอร์ส เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน ผิวที่ได้รับการบำรุงอย่างสม่ำเสมอมักจะแข็งแรง โอกาสการอักเสบหรือเป็นสิว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้าแต่ละคน สามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากแพทย์เจ้าของเคสได้
Q : คอร์สลดรอยสิว ทำบ่อยๆ ดีไหม ผิวจะบางไหม
A: คอร์สลดรอยสิว แบบที่ฉีดวิตามิน เช่น Aura Bright และ Yoshi Signature Glow สามารถทำได้บ่อยครั้ง และทำต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำได้ เพราะส่วนผสมในเมโสหน้าใสของออร่า เป็นวิตามินที่ไม่ทำลายผิว ไม่ทำให้ผิวบางหรือไวต่อแสงแดด
ส่วนคอร์สลดสิวที่ใช้นวัตกรรมเลเซอร์ ควรทำตามจำนวนครั้งที่แพทย์แนะนำ เพราะเป็นหัตถการที่ยิงพลังงานลงสู่ชั้นผิวโดยตรง ต้องใช้เวลาพักฟื้นผิว การยิงเลเซอร์ถี่เกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
Q : Laser ลบรอยสิว กับฉีดเมโสหน้าใส พร้อมกันได้ไหม
A: ทำ Laser ลดรอยสิว ในวันเดียวกันกับฉีดเมโสหน้าใส ได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ ก่อนทำเลเซอร์หรือฉีดเมโส ควรแจ้งประวัติการทำหัตถการกับแพทย์ทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาผิว ลดโอกาสการบาดเจ็บจากการรักษา















