ถ้าพูดถึงหัตถการยอดฮิตในวงการความงาม “ฟิลเลอร์” และ “โบท็อก” มักจะเป็นสองอย่างแรกที่คนส่วนใหญ่นึกถึง เพราะสามารถแก้ไขปัญหาใบหน้าได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ร่องลึก หรือแม้แต่การปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ควรเลือกฉีดอะไรดี? ระหว่าง Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไร? แบบไหนเหมาะกับใคร? ฉีดคู่กันได้ไหม? บทความนี้มีคำตอบให้แบบครบจบในที่เดียว
ฟิลเลอร์ คืออะไร?
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ใช้ฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อเติมเต็มผิวในจุดนั้นๆ ช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่เกิดจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อ กระดูก และการสูญเสียคอลลาเจนเมื่ออายุมากขึ้น

ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติเด่นในการอุ้มน้ำ ทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่น และเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกตามจุดต่าง ๆ ได้ดี นอกจากนี้ยังถูกใช้สำหรับปรับรูปหน้า เพิ่มวอลลุ่มให้หน้าดูเต็มขึ้น เช่น ฟิลเลอร์ปาก, ฟิลเลอร์กรอบหน้า, ฟิลเลอร์แก้มส้ม, ฟิลเลอร์หน้าแก้ม เป็นต้น เพราะไม่ต้องผ่าตัด และสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ถ้าไม่ถูกใจ



หลังฉีดฟิลเลอร์ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกใช้ บริเวณที่ฉีด และการดูแลรักษาของแต่ละคน จากนั้นจะสลายไปเองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้าง มีความปลอดภัยสูง โอกาสแพ้น้อย ส่วนบริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่
- ใต้ตา
- ปาก
- คาง
- ขมับ
- ร่องแก้ม
- แก้มตอบ
- แก้มส้ม
- หน้าแก้ม
- ร่องน้ำหมาก
- กรอบหน้า (Jawline)
โบท็อก คืออะไร?
Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไร? ในส่วนของโบท็อก หรือ Botulinum Toxin คือ โปรตีนบริสุทธิ์ที่สกัดได้จากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ตัวยาจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท สามารถยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อได้ชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าจะดูจางจงอย่างเห็นได้ชัด ผิวแน่นตึง เรียบเนียน ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่
นอกจากนี้ การฉีดโบท็อกสามารถลดขนาดกล้ามเนื้อได้ เช่น โบท็อกกรามปรับรูปหน้าให้เรียวสวยโดยไม่ต้องผ่าตัด โบท็อกน่องแก้ปัญหาน่องปูด หรือใช้ทางการแพทย์ อย่างโบท็อกคอ บ่า ไหล่ บรรเทาอาการปวดออฟฟิศซินโดรม และใช้เป็นทางเลือกรักษาไมเกรนก็ได้เช่นกัน ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกจะอยู่ได้นาน 3-5 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกและการใช้งานกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ๆ



โบท็อกซ์ถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เห็นผลเร็ว ชัดเจน มีความคุ้มค่า เมื่อรับบริการกับคลินิกที่มีมาตรฐาน ใช้โบท็อกแท้ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
อ่านเพิ่มเติมวิธีเลือกคลินิกฉีดโบท็อก : ฉีดโบท็อกที่ไหนดี
Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไร?
สำหรับใครที่ยังไม่มั่นใจว่า Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไร? ขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพกันชัด ๆ ผ่านตารางต่อไปนี้

จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 หัตถการสามารถใช้ลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าได้ทั้งคู่ แต่มีจุดประสงค์แตกต่างกัน คือ การฉีดฟิลเลอร์ เน้นไปที่การ “เติมเต็ม” ริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อและกระดูก รวมถึงการสูญเสียคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน อิ่มฟู พร้อมเติมเต็มรูปหน้าให้ดูสมส่วนมากขึ้น
ส่วนการฉีดโบท็อก จะเน้น “ลด” ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าบ่อย ๆ เช่น ยิ้ม หัวเราะ หรี่ตา หรือขมวดคิ้ว จนกล้ามเนื้อหดเกร็งตัว และยังช่วยปรับรูปหน้า ลดขนาดกรามให้เล็กลง ช่วยให้หน้าเรียวได้รูป
ข้อดี ข้อเสีย ของฟิลเลอร์ VS โบท็อก
มาดูกันต่อว่า ข้อดี-ข้อเสียของ Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไร เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนและมีความเข้าใจมากขึ้นก่อนตัดสินใจทำหัตถการ ดังนี้
ข้อดีของการฉีดโบท็อก
- ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าเป็นประจำ เช่น โบท็อกหน้าผาก, โบท็อกระหว่างคิ้ว, โบท็อกหางตา
- ปรับรูปหน้า ลดขนาดกราม โดยไม่ต้องผ่าตัด
- สามารถใช้ฉีดเพื่อรักษาโรคบางประเภทได้ เช่น โบท็อกรักแร้ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว หรือโบท็อกบ่าลดอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ และช่วยให้ก้อนปูดที่บ่ายุบลง คอจะดูเรียวยาวมากขึ้น ลดอาการไหล่ห่อ เสริมบุคลิกได้ดี
- เห็นผลรวดเร็วใน7-14 วัน ตึงเต็มที่ภายใน 2-4 สัปดาห์
- มีความปลอดภัยสูง เมื่อฉีดโดยแพทย์ และใช้โบท็อกแท้
ข้อเสีย
- ผลลัพธ์ไม่คงอยู่ถาวร ต้องฉีดซ้ำเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
- ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น หน้าดูเด็กลง เช่น ฟิลเลอร์ร่องแก้มฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก เป็นต้น
- เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ
- ช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนยิ่งขึ้น เช่น ฟิลเลอร์ขมับ แก้ปัญหาขมับตอบขมับเว้า, ฟิลเลอร์แก้มตอบ ลดโหนกแก้มสูง หน้าซูบ หน้าไม่เท่ากัน, ฟิลเลอร์คาง แก้คางสั้น คางตัด เป็นต้น
- เห็นผลทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ แล้วฟิลเลอร์จะเซ็ทตัวไปกับผิว เต็มที่ภายใน 2 สัปดาห์
- ฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองโดยไม่ตกค้าง มีความปลอดภัย
ข้อเสีย
- ผลลัพธ์ไม่คงอยู่ถาวร และทรงของฟิลเลอร์อาจมีการเปลี่ยนได้หากไม่ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์ดี
ฉีดฟิลเลอร์ หรือโบท็อกดีกว่ากัน?
หลังจากได้รู้กันแล้วว่า Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไรบ้าง คงสงสัยว่าแล้วอะไรที่ดีกว่ากัน? จริง ๆ แล้วทั้งสองหัตถการไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ชัดเจนว่าอะไรดีกว่ากัน เพราะฟิลเลอร์กับโบท็อก มีหลักการทำงานที่ไม่เหมือนกันและตอบโจทย์ปัญหาผิวต่างกันไป ทางที่ดีจึงควรเลือกฉีดให้เหมาะกับตัวเอง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สำหรับคนที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากการยุบตัวของโครงสร้างชั้นผิว หรือต้องการปรับรูปหน้าให้มีมิติ การฉีดฟิลเลอร์อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า แต่ถ้ามีปัญหาริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า หรือต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อกรามให้หน้าเรียวเล็ก มี V-shape การฉีดโบท็อกอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ในเคสที่อยากหน้าเรียว อาจจะต้องทำทั้งฟิลเลอร์และโบท็อก โดยใช้ฟิลเลอร์เติมเต็มผิวในบางจุด เช่น คาง แก้มตอบ jawline ร่วมกับการใช้โบท็อกเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม หรือฉีดลิฟต์หน้าเพื่อให้หน้าเข้ารูปยิ่งขึ้น
ในกรณีที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองเหมาะกับหัตถการไหน ควรนัดปรึกษากับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อประเมินสภาพผิว วิเคราะห์ปัญหา และแนะนำหัตถการที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากที่สุด
ฟิลเลอร์กับโบท็อก ราคาเท่าไหร่?
อีกหนึ่งข้อที่หลายคนสนใจ คือ ราคาของ Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไร? ทั้งสองหัตถการราคาต่างกันไม่มากนัก ที่ Aura Bangkok Clinic จะมีโปรโมชั่นฟิลเลอร์เริ่มต้นที่ 4,990-11,900 บาท/1cc ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและปริมาณที่ใช้
ส่วนโบท็อกแนะนำให้ซื้อแบบเหมาขวด 100 ยูนิต เพราะมีความคุ้มค่ามากกว่า สามารถนำไปฉีดได้หลายจุด โดยโบท็อกราคาเหมาขวดเริ่มต้นที่ 6,500 – 19,990 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้
ไม่รู้จะฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : โบท็อกยี่ห้อไหนดี
โปรแกรมฟิลเลอร์ทำคู่กับโบท็อกได้ไหม?
นอกจาก Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไร? หลายคนก็มักสงสัยว่า Botox กับ Filler ทำอันไหนก่อน ฉีดคู่กันได้ไหม? โดยทั่วไป สามารถฉีดทั้งสองพร้อมกันได้ เพราะโบท็อกซ์กับฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขปัญหาผิวคนละส่วนกัน ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึก ส่วนโบท็อกช่วยยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง และลดริ้วรอยตื้น ๆ ได้ดี
เมื่อฉีดคู่กันจะช่วยเสริมให้ผลลัพธ์โดยรวมดียิ่งขึ้น เช่น ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเติมเต็มร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น ลดใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา คู่กับฉีดโบลดริ้วรอยบริเวณหางตา แก้ปัญหารอยตีนกาที่ทำให้หน้าดูแก่ และช่วยให้หางตาดูเรียบเนียนหน้าเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำหัตถการ เพื่อประเมินสภาพผิว พร้อมรับคำแนะนำเปรียบเทียบ Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไรโดยละเอียด และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมว่าควรฉีดอันไหนก่อนหลัง เพื่อความปลอดภัยและเห็นผลชัดเจน
สรุป
Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไร? สำหรับฟิลเลอร์จะเน้นไปที่การเติมเต็มและปรับรูปทรง เพิ่มวอลลุ่มบนใบหน้า ส่วนโบท็อกเน้นการลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวเต่งตึงอีกครั้ง นอกจากนี้ยังใช้ฉีดลดกราม ปรับหน้าเรียวสวยได้อีกด้วย
สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย หรืออยากปรับรูปหน้าให้สวยงาม แต่ไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับหัตถการใด สามารถเข้ามาปรึกษากับแพทย์โดยตรงได้ที่ Aura Bangkok Clinic เพื่อประเมินปัญหา วิเคราะห์ใบหน้าของแต่ละคน แพทย์จะช่วยให้เลือกหัตถการที่เหมาะกับปัญหาและตอบโจทย์กับงบที่มี เน้นผลลัพธ์ที่เห็นผลและ คุ้มค่า ทุกเคสปรึกษาฟรี ไม่ต้องสำรองจ่าย ไม่บังคับซื้อคอร์ส
Q&A
โบท็อกริ้วรอย ฉีดร่องแก้มได้ไหม
ปกติการเติมเต็มร่องแก้ม จะใช้ฟิลเลอร์ฉีดเพื่อให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น ไม่แนะนำให้ใช้โบท็อกฉีดร่องแก้ม เพราะมีโอกาสที่โบท็อกจะไปรบกวนกล้ามเนื้อที่ทำงานเกี่ยวกับการยิ้ม การขยับปาก ทำให้มุมปากสองข้างไม่เท่ากัน ยิ้มไม่ได้
โบท็อกกับฟิลเลอร์ฉีดพร้อมกันได้ไหม
โบท็อกและฟิลเลอร์สามารถฉีดคู่กันได้ไม่เป็นอันตราย เช่น โบท็อกรอยย่นหน้าผากกับฟิลเลอร์ขมับที่จะช่วยลดริ้วรอยและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น
ฟิลเลอร์กับโบท็อก ปลอดภัยไหม
ทั้งโบท็อกและฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ปลอดภัยกับร่างกาย สามารถใช้ฉีดเพื่อความงามได้เนื่องจากได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของหลายๆ ประเทศ ฟิลเลอร์และโบท็อกแบรนด์ชั้นนำมีงานวิจัยรองรับ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และมีการคิดค้นกระบวนการและตัวยาในการรักษา ในกรณีที่ฉีดแล้วเกิดผลข้างเคียง ก็สามารถรักษาได้
อ้างอิง
Jennifer Berry. (2023, May 24). What is the difference between Botox and dermal fillers?. MedicalNewsToday.https://www.medicalnewstoday.com/articles/320510
Cleveland clinic. (2023, August 31). What’s the Difference Between Botox and Facial Fillers?. https://health.clevelandclinic.org/whats-the-difference-between-facial-fillers-and-botox












